วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

18 สัตว์ใต้ท้องทะเลลึกสยางขวัญที่สุด

18 สัตว์ใต้ท้องทะเลลึกสยางขวัญที่สุด

ปลาอีรี

    เจ้าปลาที่มีฟันแหลมคมเต็มปากนี้ได้กลายมาเป็นปีศาจแห่งฝันร้ายตัวใหม่สำหรับเด็กๆหลังจากที่ภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง"Finding Nemo" เข้าฉาย (ตอนที่พ่อนีโมกับดอรี่ร่วงไปในทะเลลึกพร้อมกับหน้ากาดำน้ำและก็เจอแสงไฟจากเจ้านี้หลอกเอาอ่ะ)   เจ้าปลาหน้ากลัวนี้ล่อเหยื่อให้เข้ามาใกล้โดยใช้แสงจาก "คันเบ็ด" ที่งอกออกมาจากหัว   เหยื่อล่อของปลาที่จริงแล้วก็คือส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียเรืองแสง


ทากทะเลสั่นประสาท
 
     ทากทะเลที่อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลนั้นมีมากมายหลายสีสันยังกะสีรุ้ง   ซึ่งสีเหล่านี้รวมถึงสีแดงเลือดพร้อมด้วยลายสีฟ้านีออนที่ทำให้เจ้ามอลลัสก์นี้ดูเหมือนกำลังลุกไหม้อยู่   ทากทะลาส่วนใหญ่นั้นเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขากรรไกรเต็มไปด้วยฟันแหลมๆเรียกว่า เรดุลล่า   ฟันเหล่านี้ถูกใช้เพื่อแทะเอาเนื้อออกมาจากปลาโชคร้ายที่ว่ายน้ำผ่านไป   ถึงแม้ว่าทากทะเลส่วนใหญ่นั้นมีความยาวน้อยกว่า 5 ซม.   บางสปีชีส์นั้นก็สามารถยาวได้ถึง 30.5 ซม.


ปลาไวเปอร์เขี้ยวดาบ

        เจ้าปลาไวเปอร์นี้มีฟันรูปร่างเหมือนเข็มยาวๆและขากรรไกรล่างที่เปิด-ปิดเหมือนบางพับ   เจ้าสัตว์ประหลาดแห่งทะเลลึกเหล่านี้ชอบอยู่ในน่านน้ำอุ่นๆเขตร้อนซึ่งเป็นที่ๆพวกมันจะฝังเขี้ยวลึกลงไปในร่างกายของเหยื่อเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว
เม่นทะเลหนามแหลม

       เจ้าสัตว์กลมๆตัวเล็กเต็มไปด้วยหนามนี้มีหนามแหลมเพื่อปกป้องร่างกายจากนักล่า   พวกมันมีสีดำ, น้ำตาล, ม่วง, แดงหรือเขียวมะกอก

ฉลามเมก้าเมาธ์
 
ฉลามเมก้าเมาธ์นั้นคือฉลามน้ำลึกหายากที่จะว่ายน้ำไปด้วยปากเปิดเพื่อกรองเอาปลาและคริลกิน   ปากใหญ่เว่อร์ของมันนั้นกว้างไปเลยหลังตาและเต็มไปด้วยฟันแหลมเล็กๆ 50 แถว

แตงกวาทะเลร้ายกาจ

            ถึงแม้ว่าเจ้าแตงกวาทะเละเหมือนสัตว์ที่ใช้ชีวิตง่ายๆคลานไปทั่วพื้นทะเลอย่างช้าๆ   เจ้านี้ก็มีความลับดำมืดอยู่อย่างนึงซึ่งก็คือการปล่อยสารเคมีพิษชื่อโฮโลธูรินออกมาเมื่อโดนรบกวนหรือทำร้าย   ซึ่งสารเคมีนี้สามารถฆ่าหรือทำให้สัตว์แถวนั้นขยับร่างกายไม่ได้

ปลามังกรดำ

           เจ้าสัตว์เรืองแสงที่หากินตามท้องทะเลนี้มีอวัยวะปล่อยแสงที่ตั้งอยู่ตามพุงซึ่งถูกเอาไว้ใช้หลอกนักล่าโดยการเปลี่ยนภาพเงาของตัวเอง   นอกจากนี้   เจ้าปลาน่าสยองขวัญก็ยังมี "ไฟฉาย" ตั้งอยู่ตรงตาทั้ง 2 ซึ่งถูกใช้ในการมองหาเหยื่อหรือส่งสัญญาณให้เพศตรงข้าม   ปลามังกรดำนี้เป็นปลาฟันแหลมซะขนาดที่ลิ้นก็มีฟันแหลมๆด้วย


สตาร์เกซเซอร์น่ากลัว

         เจ้าปลาน่ากลัวนี้มีชื่อว่าสตาร์เกซเซอร์ (แปลได้ว่านักดูดาว) เพราะความที่มันมีลูกตาอยู่บนหัว   เจ้าปลานี้จะฝังร่างกายแบนๆของมันไว้ใต้ทรายและใช้ตาบนหัวทั้ง 2 ส่องดูรอบๆ   เจ้านี้จะฝังตัวอยู่ในทรายจนเวลาที่เหยื่อผ่านเข้ามา
ปลาไหลมอเรย์

         เจ้าปลาหน้ากลัวมีฟันแหลมเต็มปากนั้นเหมาะสมที่เป็นเจ้าตัววายร้ายลูกสมุนของเออร์ซิลล่าในเรื่อง "Little Mermaid" จริงๆ
ซีโรบินติดเกราะ

                     เจ้าปลาซีโรบินสีแดงๆนี้สามารถพบได้ในน่านน้ำเขตร้อนลึกๆทั่วโลก   พวกมันมีเกล็ดแข็งๆและหนวดตรงคางเพื่อเอาไว้หลอกเหยื่อ

ปลาแฟงค์ทูธน่าสะพรึงกลัว
 
                เจ้านี้ได้ชื่อมาจากฟันยาวๆเหมือนฟันแวมไพร์   มันเป็นปลาน้ำลึกมากๆที่พบได้ในมหาสมุทร   เจ้านี้คือปลาที่มีฟันที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับขนาดร่างกาย   ถึงแม้ว่าปลาแฟงค์ทูธจะดูน่ากลัว   เจ้าปลาใกล้สูญพันธุ์นี้ก็มีความยาวแค่ 16 ซม.เท่านั้น

กุ้งฮาลโลวีน

                       เจ้ากุ้งพาราไซส์ที่เกาะติดแตงกวาทะเลและทากทะลานี้มีชื่อว่า Periclimenes imperator   มันมีสีส้มและม่วงที่มองดูแล้วเหมือนฟักทองในวันฮาลโลวีน

หมึกแวมไพร์

                          ถึงแม้ว่าเจ้านี้จะมีชื่อน่ากลัว   มันก็เป็นสัตว์ตัวกระจิ๋วที่ยาวแค่ 15.4 ซม.เท่านั้น   หมึกแวมไพร์นั้นได้ชื่อมาจากลูกเรืองแสงสีแดงและหนวดติดพังพืดที่ดูเหมือนผ้าคลุมผีดูดเลือด   เจ้านี้อาจจะดูเหมือนหมึกยักษ์และหมึกกล้วยรวมกัน   แต่ที่จริงแล้วมันคือฟอซซิลมีชีวิตที่แยกออกมาต่างหาก   เจ้านี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vampyroteuthis infernalis ซึ่งแปลได้ว่า "หมึกแวมไพร์จากนรก"
ไอโซพอดยักษ์

                     เจ้าสัตว์ทะเลลึกนี้ไม่ใช่สัตว์สำหรับคนที่กลัวแมลงอย่างแน่นอน   ไอโซพอดยักษ์นั้นคือสัตว์มีกระดองญาติของกุ้ง, ปูและแมลงตามสวนอื่นๆที่อาศัยอยู่ตามพื้นสมุทร   เจ้านี้สามารถโตได้ถึง 40.6 ซม.

ปลาโลงศพ

                    เจ้าปลานี้มีสีสันสวยงามเหมือนใบไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วงมากกว่าจะเป็นโลงศพ   พวกมันสามารถพบได้ตามพื้นทะเลและมักจะพักผ่อนโดยใช้ครีบเล็กเป็นขาตั้ง

แมงกระพรุนโครงกระดูก

แมงกระพรุนคริสตัลหรือ Aequorea นี้มีร่างกายใสแจ๋วและหนวดยาว 30.5 ซม.ที่ทำให้มันดูเหมือนผีลอยได้


แมงกระพรุนสีแดงเลือด
                   แมงกระพรุนสีแดงเลือดหรือ  Atolla wyvillei เป็นสัตว์น้ำลึกที่สามารถปล่อยแสงสีฟ้าน่าสะพรึงกลัวออกมาได้เมื่อโดนรบกวน   แสงที่เจ้านี้ปล่อยออกมาจากเป็นเหมือนวงล้อรอบร่างกาย

ปลาตีนลายจุด

                ปลาตีนลายจุดหรือ Brachionichthys hirsutus คือปลาน้ำลึกใกล้สูญพันธุ์และหายากแห่งออสเตรเลย   มันมีครีบหน้าอกที่เหมือนกับแขนสั้นๆติดมือ   เจ้านี้สามารถว่ายน้ำหรือเดินไปตามพื้นทะเลได้ด้วยครีบเหล่านี้   แต่มันชอบที่จะเดินมากกว่า

เกาะฮาชิมะ เกาะร้างสุดเฮี้ยนติดอันดับโลกของญี่ปุ่น

เกาะฮาชิมะ เกาะร้างสุดเฮี้ยนติดอันดับโลกของญี่ปุ่น

เกาะฮาชิมะ ญี่ปุ่น


            เกาะฮาชิมะ อดีตเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ ก่อนจะถูกทิ้งร้างกลายเป็นเกาะสุดเฮี้ยนติดอันดับโลกของญี่ปุ่น

            เป็นที่ฮือฮาของคอหนังผีอย่างยิ่งทีเดียว สำหรับภาพยนตร์ "ฮาชิมะ โปรเจกต์" ของค่าย M39 หลังจากที่ได้ปล่อยทีเซอร์ตัวแรกออกมาให้ได้ชม ก็ทำเอาคอหนังใจจดใจจ่อรอชมกันแทบไม่ไหวแล้ว และเชื่อว่าคงมีหลาย ๆ คนที่สนอกสนใจเรื่องราวของเกาะฮาชิมะ สถานที่รกร้างที่มีเสียงร่ำลือถึงสิ่งลี้ลับอันน่าสะพรึงกลัว แถมเฮี้ยนติดอันดับโลก ว่าเรื่องนี้จริงเท็จหรือไม่ อย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวของ เกาะฮาชิมะ 

            เกาะฮาชิมะ อยู่ห่างจากเมืองนางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร สมัยที่เกาะฮาชิมะรุ่งเรืองมันถูกตั้งชื่อว่า Battleship Island หรือ เกาะเรือรบ ในอดีตเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยถ่านหิน จนเมื่อมีการค้นพบจึงได้เริ่มต้นทำเหมืองถ่านหินกันอย่างจริงจังในปี 2430ก่อนที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างมิตซูบิชิจะซื้อเกาะดังกล่าวเพื่อพัฒนาเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ รองรับกับความต้องการถ่านหินในการพัฒนาอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นยุคนั้น จนทำให้มีการอพยพแรงงานและครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะแห่งนี้จนเต็มพื้นที่

            อย่างไรก็ดี เกาะแห่งนี้เป็นเหมือนกับสถานที่คุมขังนักโทษด้วยเช่นกัน เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่น ได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ที่เป็นจำเลยช่วงสงครามมาทำงานในเหมืองถ่านหิน ทำให้ในสายตาของชาวจีนและเกาหลีใต้มองเกาะฮาชิมะเป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้พวกเขาฝันร้ายมาจนถึงปัจจุบัน

            จนกระทั่งปี 2517 มิตซูบิชิได้ประกาศปิดเหมืองบนเกาะฮาชิมะ เนื่องจากพลังงานจากถ่านหินไม่ได้เป็นที่ต้องการของญี่ปุ่นอีกต่อไป โดยทุกคนหันไปให้ความสำคัญกับพลังงานจากน้ำมันแทน ซึ่งหลังจากการปิดตัวลง แรงงานทั้งหมดจึงอพยพออกจากพื้นที่ และปล่อยให้เกาะแห่งนี้เป็นเกาะร้าง ที่ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้หรือดอกไม้ขึ้นอยู่ มีก็แต่เพียงไม้ล้มลุกขนาดเล็กเท่านั้น

            ปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นพยายามที่จะผลักดันให้เกาะฮาชิมะเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปยังองค์การยูเนสโก แต่กลับถูกทางการเกาหลีใต้คัดค้าน เพราะมองว่าเกาะฮาชิมะ คือบาดแผลสงครามที่ยังหลงเหลืออยู่ และทำให้ชาวเกาหลีใต้และชาวจีน รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ที่มีการกล่าวถึงเกาะนี้