วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โลมา



   ประวัติโลมา


   เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งอาศัยน้ำที่มีสติปัญญาสูงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีเชื้อสายใกล้เคียงกับ วาฬในภาษาอังกฤษเรียกโลมาว่า  Dolphin มาจากภาษากรีกโบราณ เด ลฟิส (delphis) ตำนานกรีก เล่าว่า เทพแห่งไวน์ของกรีก ชื่อ ไดโอนีซอส (Dionysos) แปลงลงมาเป็นมนุษย์ และได้โดยสารเรือข้ามจากเกาะอิคาเรีย (Ikaria) ไปยังเกาะนาซอสในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไดโอนีซอสนั้นแม้จะเป็นเทพ ทว่าไม่มีญาณหยั่งรู้ว่าเรือลำที่ตนโดยสารไปนั้นเป็นเรือโจร ลูกเรือจะปล้นผู้โดยสารทุกคนถ้วนหน้า เมื่อถึงคราวของไดโอนีซอส เขาจึงถูกลูกเรือปล้น และคิดจะจับเขาไปขายเป็นทาส ด้วยเหตุนี้ เขาจึงจำต้องแสดงตนว่าเป็นเทพ และสาปให้เรือมีเถาองุ่นขึ้นเต็ม มีเสียงขลุ่ยดังขึ้น พวกลูกเรือตกใจ จึงกระโดดน้ำหนีไปหมด และได้กลายร่างเป็นปลาโลมา มาจนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อกลายเป็นปลาโลมา นิสัยของลูกเรือก็เปลี่ยนไปด้วย กลายเป็นสัตว์ที่ใจดี มีเมตตา แถมยังช่วยเทพแห่งสมุทร คือ โพซิดอนหาเจ้าสาวอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ปลาโลมาจึงได้รับเกียรติจากโพซิดอน ตั้งชื่อ กลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งว่า กลุ่มดาวโลมาอีกด้วย ที่จริงแล้วโลมาเคยเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่บนบกเหมือนมนุษย์ แต่เพื่อความพยายามหาอาหาร เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และหนีศัตรู โลมาจึงค่อยๆปรับตัวให้ลงไปอยู่ในน้ำ เพื่อความอยู่รอดแทน นั่นเป็นตำนานของคนโบราณ แต่ในความเป็นจริงแล้ว โลมาเป็นสัตว์เลือดอุ่นอาศัยอยู่ในน้ำ คลอดลูก เป็นตัว แถมยังเลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนมนุษย์


วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วาฬเพชฌฆาต


 852e8ddf5b8.jpg (600×450)


 วาฬเพชฌฆาต

วาฬเพชฌฆาต หรือ วาฬออร์กา (อังกฤษ: Killer whale, Orca) เป็นสปีชี่ส์ที่ใหญ่ที่สุดในในวงศ์ Delphinidae ของโลมา สามารถพบเห็นได้ในมหาสมุทรทั่วโลก ตั้งแต่แถบอาร์กติกและแอนตาร์กติก จนถึงทะเลในแถบเขตร้อน
วาฬเพชฌฆาตเป็นนักล่าที่ชาญฉลาด ส่วนมากล่าปลาเป็นอาหาร ในบางสายพันธุ์จะล่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างแมวน้ำ, สิงโตทะเล หรือแม้กระทั่งวาฬขนาด ใหญ่ วาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์สังคม โดยสัณนิษฐานได้จากพฤติกรรมทางสังคมที่ซับซ้อนของมัน อย่างเช่น เทคนิคการล่า การส่งเสียงที่สามารถสื่อความหมายระหว่างกันได้   ถึงแม้ว่าวาฬเพชฌฆาตจะไม่จัดอยู่ในสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์ แต่ในบางพื้นที่มันก็ได้รับความคุ้มครอง อันเนื่องมาจากการปนเปื้อนของสารพิษในน้ำทะเล การตกเป็นเหยื่อของนักล่าที่ใหญ่กว่าแล้วเพิ่มจำนวนไม่ทัน การถูกจับโดยบังเอิญระหว่างการทำประมง การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย การถูกมนุษย์ล่า โดยส่วนมากแล้ววาฬเพชฌฆาตจะไม่ทำร้ายมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่พบว่าทำร้ายมนุษย์ อย่างเช่น ในกรณีของวาฬเพชฌฆาตในสวนน้ำ

ประวัติโมนาลิซ่า

 



                               ประวัติโมนาลิซ่า

        โมนา กับ ลิซ่า สองสาวสวยพี่น้องแห่งเมืองอิตาลี แม้เธอทั้งสองจะไม่ใช่ฝาแฝด
แต่ทั้งคู่ก็ดูคล้ายกันมาก ทั้งรูปร่าง หน้าตาและกิริยาท่าทาง ความแตกต่างที่คน
ภายนอกพอจะมองออกได้ก็คือ โมนาผู้พี่เก่งเย็บปักถักร้อย ส่วนลิซ่าผู้น้อง เก่ง
ทำอาหาร ดังนั้นถ้าเห็นสาวสวยสองคนเดินมา คนหนึ่งถือเสื้อผ้า อีกคนหนึ่งถือ
อาหารก็จะบอกได้ทันทีว่าใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง โมนาผู้พี่นั้นแต่งงานแล้วกับ
วิศวกรหนุ่มมาดเท่ ซึ่งหนุ่มวิศวกรคนนี้ เคยเป็นแฟนกับลิซ่าผู้น้องมาก่อน แต่ลง
ท้ายทำไมเขากลับมาเลือกแต่งงานกับพี่สาวได้ไม่มีใครทราบ... มันคือความน้อยเนื้อ
ต่ำใจของลิซ่า ที่รอเวลากลายเป็นความแค้น วันหนึ่งมีการป่าวประกาศหาสาวสวยเข้า
ประชันความงามเพื่อเป็นนางแบบภาพเขียนให้ศิลปินชื่อก้องโลก "ลีโอนาโด ดาวินชี่"
วาดรูป แน่นอน ... สาวสวยทั่วทั้งอิตาลีเข้าร่วมงานประกวดนี้ รวมทั้งโมนากับลิ
ซ่าด้วย ถ้าจะว่ากันตามความสาวและสวยแล้ว ลิซ่าสวยกว่าโมนา เพราะอายุน้อยและยัง
โสด แต่เมื่อผลประกาศออกมา โมนากลับได้ตำแหน่งที่หนึ่งไปครอง ปล่อยให้ลิซ่าชื่น
ชมเพียงอันดับสองเท่านั้น เรื่องแย่งแฟนนั่นพอทนแต่เรื่องแย่งเป็นนางแบบให้ท่าน
ดาวินชี่ ใครจะไปยอม ลิซ่าเริ่มแผนการกำจัดพี่สาว ระหว่างนั้นโมนาก็ได้เริ่ม
เป็นแบบให้ท่านดาวินชี่วาดรูปแล้ว ลิซ่าปรุงยาพิษด้วยภูมิปัญญาตัวเอง จากวัตถุ
ดิบที่เหลือในครัว เช่น เห็ดเน่าๆ เนยบูดๆ แป้งหมดอายุ แล้วอาศัยความชำนาญ
เรื่องอาการปรุงรส แต่งกลิ่นจนกลายเป็นขนมอบที่น่ารับประทานที่สุด ทำทีว่าเป็น
ของขวัญฉลองความสำเร็จของพี่สาว รุ่งเช้า ตำรวจพบศพโมนานอนตายจมกองอ้วก อยู่บน
โต๊ะอกหารที่บ้าน ส่วนสามีวิศวกรหนุ่ม ก็ไปนอนตายจมกองอ้วกอยู่กับลูกน้องที่
ไซต์งานสร้างตึก ทำให้ตึกที่สร้างไปได้เพียงแปดชั้นไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอจน
มัน ค่อยๆ....เอียง สันนิษฐานเบื้องต้น จากสภาพศพและอ้วกว่า "อาหารเป็นพิษ" ลิ
ซ่าถูกเรียกตัวมาเป็นแบบให้ท่านดาวินชี่วาดรูปต่อจากโมนา ซึ่งท่านวาดจวนจะ
เสร็จ เหลือเพียงแค่ส่วนปากเท่านั้น แค่นี้ก็คุ้มแล้วลิซ่ายิ้มอย่างสะใจ ขณะ
ท่านดาวินชี่สะบัดปลายพู่กัน ไม่นาน ลิซ่ากถูกจับข้อหาฆาตกรรมและทำตึกเอียง
อ้วกของโมนาถูกนำกลับมาให้ลิซ่า อบเป็นขนมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อใช้ในการทำ
แผนประกอบการฆาตกรรม กลิ่นอบขนมหอม ดึงชาวบ้านแถวนั้นมามุงดูและจำสูตรทำกันใหม่
ด้วยวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพกว่า แล้วเรียกชื่อสั้นๆ ว่า "ขนมพิษลิซ่า" หรือ "ขนม
พิษซ่า" ส่วนตึกเอียง น่าจะเกิดจากวิศวกรหนุ่มสามีโมนามีน้ำใจเอาขนมพิษของลิซ่า
มาแบ่งให้คนงานกินด้วยจนทำให้สร้างตึกไปมึนพิษไป ตึกที่เอียงนี้จึงถูกเรียกชื่อ
ว่า "หอเอนพิษลิซ่า" หรือ"หอเอนพิษซ่า" ด้วยเช่นเดียวกัน ...ตั้งแต่นั้นมา