วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความเชื่อฝรั่ง : Dreamcatcher ตาข่ายดักฝัน


ความเชื่อฝรั่ง : Dreamcatcher ตาข่ายดักฝัน



  ชนเผ่าพื้นเมืองในอเมริกาหรือที่เรียกกันว่า เผ่าอินเดียนแดง มีการสร้างงานหัตถกรรมของชนเผ่าที่เชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางดักจับความฝัน เรียกกันว่า “Dreamcatcher”มีความหมายถึง “ตาข่ายดักฝัน” หรือ “เครื่องดักความฝัน” หัตถกรรมอินเดียนแดงชิ้นนี้เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณว่าจะช่วยกรองฝัน ให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายสลายไป ลักษณะของตาข่ายดักฝันหรือเครื่องดักฝันจะเป็นห่วงวงกลม ข้างในถักทอเป็นตาข่าย และด้านล่างจะประดับประดาด้วยขนนก ลูกปัด รวมทั้งเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆอื่นๆ
ตาข่ายดักฝันมีที่มาจากอินเดียแดงเผ่าโอจิบวี(Ojibwe) หรือ ชนเผ่าชิปเปวา (Chippewa) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา ชนเผ่าชิปเปวาเชื่อกนว่า แมงมุมมีพลังอำนาจวิเศษที่สามารถทอใยดักจับความฝันได้เหมือนกับที่มันดักจับสัตว์เป็นอาหารนั่นเอง  แม้ว่าวันเวลาที่มีการคิดสร้างตาข่ายดักฝัน  ไม่มีใครรู้ที่มาว่ามีมาตั้งแต่เมื่อใด แต่ก็พอสันนิษฐานได้ว่าน่าจะก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไม่นาน
   ชนเผ่าโอจิบวีเป็นอีกชนเผ่าหนึ่งที่นิยมประดิษฐ์สร้างตาข่ายดักฝันไว้เป็นจำนวนมาก กลายเป็นว่า ตาข่ายดักฝันเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชนเผ่าต่างๆที่เป็นกลุ่มน้อยอยู่ในอเมริกา จนกระทั่งมันกลายมาเป็นของขวัญของกำนัลจากร้านขายของที่ระลึกในเขตที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียแดงในปัจจุบัน

         

  วัฒนธรรมอินเดียแดง ซึ่งปัจจุบันจะไม่เรียกว่า “อินเดียนแดง” แล้ว แต่จะเรียกกันว่า “ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน (Native American)” ถือว่า “ขนนก” เป็นสัญลักษณ์ของ “อากาศ” และ “ลมหายใจ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การมีชีวิต กรรมวิธีการทำเครื่องดักฝันจะทำมาจากเกลียวเชือกจากต้นวิลโลว์ มาถักทอเป็นโครงวงกลมโดยมีตาข่ายอยู่ด้านใน
ด้านล่างจะตกแต่งประดับประดาด้วยขนนกแบบต่างๆดังนั้น ตาข่ายดักฝันหรือเครื่องดักฝัน จึงกลายมาเป็นเครื่องรางมงคลที่นิยมห้อยแขวนไว้เหนือเปลเด็กในทางคติความเชื่อก็คือ เครื่องหมายนำอากาศเข้าสู่ลมหายใจและนำโชคดีมาให้เด็กๆ
ส่วนทางจิตวิทยาก็คือ ตาข่ายดักฝันประดับขนนกเหล่านี้จะทำหน้าที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาที่จับจ้องมองการแกว่งไกวของขนนกที่ส่ายไหวดั่งระบำขนนก จะช่วยทำให้ทารกมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อต่างๆได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันมันคือเครื่องรางที่ช่วยกรองฝันดีมาสู่เด็กๆ และสกัดฝันร้ายไม่ให้มากล้ำกราย แต่ถึงกระนั้น ก็มีวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่นำไปแขวนประดับเหนือเตียงนอน จนกลายเป็นแฟชั่นแบบอย่างหนึ่ง แต่ทว่า การดักจับความฝันคงทำไม่ได้กับนิสัยพวกเขา เพราะวัยผู้ใหญ่นั้นจิตใจไม่ได้ใสสะอาดเหมือนเด็กๆ เครื่องดักฝันจึงอาจไม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย
 ยังมีเครื่องรางต่างๆอีกมากมายที่เชื่อว่ามีอำนาจพิทักษ์ความฝัน  ซึ่งถูกนำมาใช้ห้อยแขวนเหนือตียงนอนขวางทารกและเด็กๆเพื่อปกป้องให้พ้นจากฝันร้ายและหลบเลี่ยงพลังอันชั่วร้ายที่มองไม่เห็นได้สำเร็จ แต่หลายๆคนกลับนิยมเลือกตาข่ายดักฝัน ด้วยเพราะมนุษย์สัมผัสได้ถึงอำนาจเร้นลับจากสิ่งชั่วร้ายที่อาจซ่อนตัวอยู่ในกระจก ต้นไม้ หรือกรอบหน้าต่าง ดังนั้น การแขวน “ตาข่ายดักฝัน” ก็เพื่อช่วยปกป้องเด็กๆให้พ้นจากภัยมืด เพราะฝันร้ายเหล่านั้นจะถูกกักขังไว้ในตาข่ายไม่ให้ออกไปไหนอีกเลย จนกระทั่งถึงยามผ้าสาง ฝันร้ายจะมลายหายไปเอง ส่วนฝันดีจะถูกกรองผ่านรูตาข่ายไปสู่เด็กๆ ตลอดยามราตรี

วันไหว้ครู ความหมายวันไหว้ครู

วันไหว้ครู ความหมายวันไหว้ครู


ความหมายวันไหว้ครู           

 - สะท้อนถึงความผูกพันใกล้ชิดระหว่างครูกับศิษย์            

- สะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูรู้คุณของสังคมไทยต่อผู้มีพระคุณ         

   - สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความเมตตา ของครูต่อศิกษย์            

- สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางจิตใจ            

- แฝงสาระที่เป็นคติธรรมสอนใจมากมาย         


 วันไหว้ครู เป็นวันที่นักเรียนจะได้แสดงคุณธรรมในจิตใจ คือไหว้ครู คำว่า  ไหว้ครู  นั้น เป็นถ้อยคำธรรมดาสามัญที่เข้าใจกันอยู่ และทราบถึงความหมายกันเป็นอย่างดี แต่ก็จะขอขยายความคำว่า  ไหว้ครู  เพื่อประกอบความรู้และประดับสติปัญญาตามสมควร           ไหว้ครู  เป็นคำไทย 2 คำ นำมาเชื่อมกัน คือคำว่า ไหว้  กับคำว่า  ครู  แต่ละคำมีความหมายอยู่ในตัว คำว่า ไหว้ ก็หมายถึงการแสดงสัมมาคารวะ การบูชา การแสดงความนับถือ การแสดงความเทิดทูน นี่เรียกว่า  ไหว้  เป็นคำกิริยาที่ใช้กันเป็นประเพณีนิยมของไทย และในบางกรณีคำนี้ ก็ย่อมจะกินความคลุมไปถึง กราบซึ่งในความหมายว่ายอมตนลงราบคาบด้วย เพราะฉะนั้นไหว้ก็ดีกราบก็ดี รวมอยู่ในความหมายอันเดียวกัน คือ แสดง ความยกย่อง แสดงอาการเชิดชูบูชานับถือ            โอกาสนี้เราทั้งหลาย ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครู อาจารย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ให้ความถนัด ครูนั้นเป็นทิศๆ หนึ่งในจำนวนทิศทั้ง 6 โดยเฉพาะเป็นทิศเบื้องขวา เรียกว่า ทักขิณ ทิศที่ว่าให้ความถนัด คือเป็นผู้ให้วิชาความรู้แก่เรา      ประโยชน์ของการไหว้ครู          หากการแสดงคุณธรรมด้วยการไหว้ไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ประเพณีน่าจะเลิกกันเสียที แต่ที่ต้องไหว้กันอยู่ประจำทุกปี ทุกโรงเรียน แสดงว่าต้องมีประโยชน์ ประโยชน์ของการไหว้ คือ          1. ผู้ไหว้ได้รับความเมตตาจากผู้ถูกไหว้           2. ผู้ไหว้ได้รับความสบายใจ           3. ช่วยให้ผู้ถูกไหว้หันมาสำรวจตรวจตราพัฒนาตนเอง           4. ได้รักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยไว้           5. บรรเทาโทษเสียได้           โบราณท่านกล่าวว่า "ศรต้องมีพิษ ศิษย์ต้องมีครู ศิษย์มีครูเหมือนงูมีพิษ ศิษย์ไม่มีครู เหมือนงูไม่มีพิษ" ไม่น่ากลัวอะไร ไม่ต่างอะไรกับปลาไหล รอเวลาให้เขาผัดเผ็ดเท่านั้น "ศิษย์ดีต้องมีคุณธรรม ศิษย์ไม่ได้ความคุณธรรมไม่มี" นักเรียนจะต้องรู้จักข้าว ข้าวรวงโตที่มีวิตามิน เวลามันออกรวง จะน้อมรวงถ่วงยอดแสดงอาการดุจคารวะแม่พระธรณี แต่ข้าวรวงใดที่ชี้เด่แทบจะทิ่มก้นเทวดา แสดงว่าข้าวรวงนั้นไม่มีวิตามิน เป็นข้าวขี้ลีบ คนก็เหมือนกัน หากรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน แสดงว่าเป็นคนมีคุณภาพเป็นผู้มีคุณธรรม บางคนเป็นโรคสันหลังแข็งก้มไม่ลง บุคคลนั้นไม่ต่างอะไรกับข้าวขี้ลีบพิธีไหว้ครู 

        

 พิธีไหว้ครู หรือ การไหว้ครู มีหลายอย่าง เช่น การไหว้ครูนาฏศิลป์ ไหว้ครูดนตรี ไหว้ครูโหราศาสตร์ ไหว้ครูแพทย์แผนไทย เป็นต้น  ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไป เมื่อเอ่ยถึง พิธีไหว้ครู เรามักจะหมายถึง การไหว้ครูในสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำในช่วงเปิดภาคการศึกษา  การไหว้ครู เป็นประเพณีสำคัญที่มีมาแต่โบราณ ถือเป็นพิธีกรรมที่แสดงความเคารพและระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ ครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชาความรู้ให้ ทำให้เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต โดยทั่วไป พิธีไหว้ครูมักจะจัดในวันพฤหัสบดี ด้วยถือว่าพระพฤหัสเป็นเทพที่ส่งเสริมวิทยาการและความเฉลียวฉลาด ซึ่งเป็นคุณสมบัติของครู จึงถือเอาวันนี้เป็นวันไหว้ครู เพื่อความเป็นสิริมงคลคำสวดไหว้ครูทำนองสรภัญญะ      ปาเจรา จริยา โหนติ คุณุตตรา นุสาสกา      ข้าขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์ ผู้กอรปเกิดประโยชน์ศึกษา       ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา แก่ข้าในกาลปัจจุบัน      ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์ ด้วยใจนิยมบูชา      ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา ปัญญาให้เกิดแตกฉาน      ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน อยู่ในศีลธรรมอันดี     ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี แก่ข้าและประเทศไทย เทอญปัญญา วุฑฒิ กเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหํคำปฏิญาณตนเราคนไทย ใจกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เรานักเรียนจักต้องประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นเรานักเรียนจักต้องปฏิบัติตนไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่นสิ่งที่ต้องเตรียมในการไหว้ครู          การไหว้ครู ในอดีตนั้น มักจะใช้ หญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ และดอกเข็ม เป็นองค์ประกอบในพานดอกไม้แต่ละอย่างล้วนเป็นปริศนาธรรมทั้งสิ้น           - หญ้าแพรก เป็นตัวแทนที่แสดงถึงความเข้มแข็ง อดทนถึงแม้จะแห้งแล้ง คนเดินเหยียบย่ำ หญ้าแพรกก็จะไม่ตาย พอได้รับโอกาสที่เหมาะสม ได้รับความชุมชื้น ก็จะแตกยอดเจริญงอกงามเป็นอย่างดี  ครูจึงต้องเป็นผู้ที่เข้มแข็งอดทนต่อปัญหาต่าง ๆ ของนักเรียนนักศึกษามากมาย และค่อย ๆสะท้อนปลูกฝังความมุ่งมั่นอดทน เข้มแข็งไปสู่นิสัยของนักเรียน นักศึกษา ฝึกให้เขาเข้มแข็งอดทนให้จงได้       

   - ข้าวตอก เป็นข้าวที่เกิดจากการใช้เมล็ดข้าสารไปคั่ว โดยมีฝาครอบไว้ เมื่อได้รับความร้อนระดับหนึ่ง เมล็ดข้าวก็จะพองตัวและแตกตัวออกเป็นข้าวตอก มีกลิ่นหอม  เช่นเดียวกับการให้การศึกษา ครูผู้สอนต้องให้การอบรมคู่กันไปด้วย "อบเพื่อให้สุกรมเพื่อให้หอม" เช่นเดียวกับการทำข้าวตอก            การสั่งสอนอบรมของครู บางครั้งต้องมีการว่ากล่าวตักเตือน ติติงหรือทำโทษ ในการกระทำที่ไม่เหมาะสมเสมือนการใช้ความร้อนกับเมล็ดข้าว โดยมีกฏระเบียบหรือแนวปฏิบัติ เสมือนเป็นฝาครอบ ไม่ให้ลูกศิษย์กระเด็นกระดอนออกนอกลู่นอกทาง ครูจึงต้องทำหน้าที่สั่งสอนอบรมให้นักเรียน นักสึกษาเป็นดังเช่นข้าวตอก คือ "สุกและหอม" ซึ่งหมายถึง การสั่งสอนแนะนำให้เขามีความรู้ความสามารถและเป็นคนดีที่ยอมรับนั่นเอง       

      - ดอกมะเขือ ลักษณะของดอกมะเขือ เวลาบานจะสีขาวสะอาดและดอกจะโน้มคว่ำลงพื้นดินซึ่งก็เป็นปริศนาธรรม แสดงถึงความสะอาดบริสุทธิ์ของจิตใจ เป็นคนซื่อสัตย์ อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ       

      - ดอกเข็ม ลักษณะของดอกเข็มจะมียอดดอกแหลม ซึ่งเป็นปริศนาธรรมว่า ครูต้องจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังความคิด ให้นักเรียนนักศึกษาเป็นคนฉลาด(หัวแหลม) รู้จักวิเคราะห์วิจารณ์ ใช้ความคิดให้เป็นประโยชน์แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่พบเห็น ความเฉียบคมทางความคิดจะทะลุทะลวงทุกปัญหาได้      

       คนโบราณช่างชาญฉลาดที่จะสอนศิษย์ด้วยกลวิธีต่าง ๆ แม้กระทั่งการใช้ดอกไม้ต้นไม้ ฯลฯ เป็นสื่อการสอนทำให้ลูกศิษย์ให้ยุคก่อนเก่าได้เรียนรู้จากธรรมชาติ และรู้จักกตัญญูรู้คุณผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์อยู่ตลอดไป และการที่เราใช้ "หญ้าแพรกดอกมะเขือ" ในการไหว้ครูนั้น เพราะเป็นของหาง่าย งอกงามอยู่ทั่วไป          

  ตอนเช้าตรู่วันพฤหัสซึ่งเป็นวันไหว้ครู เด็กๆจะไปโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษ เพื่อ่ไปช่วยกันจัดพานดอกไม้ ซึ่งอาจมีการปักดอกบานไม่รู้โรย ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบบ้าน แซมด้วยหญ้าแพรกและดอกมะเขือ พานดอกไม้นี้เด็กนักเรียนหญิงจะเป็นคนถือ ส่วนเด็กผู้ชายจะถือธูปเทียนและช่อดอกไม้ ( ช่อดอกไม้หมายถึงดอกไม้ที่หาได้เอามารวมกัน แซมด้วยหญ้าแพรกและดอกมะเขือเช่นกัน)            พิธีไหว้ครูจึงเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่นักเรียนทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมาแสดงความเคารพและระลึกบุญคุณของครูอาจารย์อย่างแท้จริง      วันไหว้ครู เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สถาบันการศึกษาทุกระดับทุกแห่งจัดขึ้นในช่วงต้น ๆ ของปีการศึกษา สะท้อนถึงคุณค่าทางจิตใจของคนไทย