วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 สัตว์ผู้กล้าที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

10 สัตว์ผู้กล้าที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

       ความสำเร็จทุกวันนี้อาจทำให้เราภาคภูมิใจ ที่การก้าวสู่อวกาศไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป และมีแต่จะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนภารกิจที่คาดว่าจะไม่มีวันเป็นจริง กลายเป็นเรื่องใกล้แค่เอื้อม อย่างไรก็ตาม บางทีคุณอาจลืมไปว่าความสำเร็จที่ได้มานั้น ต้องแลกกับการเสียสละของเพื่อนร่วมโลกมากมาย ซึ่งถึงแม้มันจะไม่ใช่มนุษย์เหมือนเราแต่ก็มีชีวิตเหมือน ๆ กัน และบางตัวก็ต้องจบชีวิตไปเพื่อภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์อีกด้วย
 
 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ


1. หมีน้ำ

          หมีน้ำ (Water Bears) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่า 1.5 มิลลิเมตร ถูกส่งขึ้นไปพร้อมกระสวยอวกาศ ESA's FOTON-M3 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2007 เพื่อศึกษาความหนาแน่นของรังสีและภาวะสุญญากาศบนอวกาศ โดยถูกส่งออกไปนานถึง 10 วัน ก่อนจะกลับมายังโลกและได้สัมผัสน้ำอีกครั้ง ซึ่งทำให้ 68% ของเหล่าหมีน้ำกลับมามีชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง มันเลยถูกยกให้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรกที่สามารถมีชีวิดรอดได้ท่ามกลางภาวะ สุญญากาศ


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ


2. ลิงชิมแปนซี

          ถือเป็นสัตว์ที่ถูกส่งขึ้นอวกาศมากมายหลายครั้ง แต่ลิงชิมแแปนซีตัวแรกสุดที่ถูกส่งขึ้นอวกาศมีชื่อว่า แฮม ซึ่งมันถูกส่งขึ้นไปกับแคปซูล American Mercury ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1961 เพื่อทดสอบความปลอดภัย ก่อนจะส่งมนุษย์ขึ้นไปจริง ๆ ในภายหลัง และเจ้าแฮมก็สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยเสียด้วย


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ
3. ตัวนิวท์

          เนื่องจากตัวนิวท์ (Newts) เป็นสัตว์ประเภทจิ้งจกที่ทำได้แม้กระทั่งงอกแขนขาออกมาใหม่ด้วยตัวเอง ทำให้มันเหมาะเจาะที่สุดสำหรับภารกิจ USSR's Bion 7 เมื่อปี 1985 ที่มีจุดประสงค์จะวัดความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของสิ่งมีชีวิตเมื่อต้อง ไปอยู่บนอวกาศ ตัวนิวท์ สายพันธุ์ Pleurodeles Waltl จำนวน 10 ตัว จึงถูกส่งออกนอกโลกไป และนั่นทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่าเมื่ออยู่บนอวกาศ พวกมันสามารถฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

4. กระต่าย

          กระต่ายตัวแรกซึ่งมีชื่อว่า มาร์ฟูชา ถูกส่งไปอวกาศด้วยจรวด R2-A rocket ในภารกิจของสหภาพโซเวียต เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมปี 1959 อย่างไรก็ตามเจ้ามาร์ฟูชาไม่ได้ออกสู่อวกาศเพียงลำพัง แต่ยังมีสุนัขอีก 2 ตัว คือ Otvazhnaya และ Snezhinka เดินทางขึ้นไปพร้อมกับมันด้วย และเมื่อกลับมายังโลก ทั้งสามก็ได้รับการพักฟื้นร่างกาย และปลอดภัยทั้งหมด


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

5. เต่า

          เต่าคู่แรกที่ถูกส่งขึ้นไปในห้วงอวกาศ เป็นเต่าจากประเทศรัสเซีย ซึ่งสหภาพโซเวียตส่งขึ้นไปในปี 1968 อย่างไรก็ดี มันไม่ได้ถูกส่งขึ้นอวกาศในแบบทั่วไปเหมือนสัตว์ตัวอื่น ๆ ที่ผ่านมา แต่กระสวยอวกาศ Zond 5 ที่เจ้าเต่าน้อยอาศัยขึ้นไปในอวกาศ ได้มีการโคจรรอบดวงจันทร์ก่อนจะกลับมาสู่โลก และเจ้าเต่าก็มีชีวิตยืนยาวต่อไป


10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

6. กบ

          ในปี 1970 องค์การนาซาได้ส่งกบขึ้นสู่อวกาศ ผ่านกระสวยอวกาศ Otolith เพื่อใช้เป็นข้อมูลศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมอง เมื่อต้องอยู่ในภาวะปราศจากแรงโน้มถ่วง ซึ่งจากสิ่งที่เกิดกับกบ ทำให้พบว่าระบบการทรงตัวของร่างกายจะทำงานผิดปกติชั่วขณะเมื่อเข้าสู่ห้วง อวกาศ แต่ก็จะสามารถกลับมาทำงานได้เหมือนเดิมอีกครั้ง


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

7. แมงมุม

          เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมปี 1973 สหรัฐอเมริกาได้ส่งแมงมุมคู่แรก อาราเบลลา และ อนิต้า ไปกับจรวด Saturn IB ร่วมกับภารกิจ Skylab ครั้งที่สอง ที่มีมนุษย์อยู่ด้วย ซึ่งหน้าที่ของมันเป็นสิ่งที่มีแต่แมงมุมเท่านั้นที่ทำได้จริง ๆ นั่นก็คือตรวจสอบว่าการชักใยของมันเปลี่ยนไปหรือไม่เมื่ออยู่บนอวกาศนั่นเอง ทำให้เราได้เห็นใยแมงมุมถูกทอบนอวกาศเป็นครั้งแรกด้วย


  10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

8. แมว

          ย้อนกลับไปในปี 1963 ประเทศฝรั่งเศสเคยตั้งใจจะส่งเฟลิกซ์ แมวข้างถนนขึ้นไปในอวกาศ แต่มันก็ดันหนีไปเสียก่อน ทำให้เฟลิเซตต์ แมวตัวเมียข้างถนนตัวใหม่ได้เข้ามาทำภารกิจนี้แทน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมปี 1963 ซึ่งแมวน้อยตัวนี้ถูกฝังขั้วไฟฟ้าไว้ที่สมองเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของมัน ด้วย หน้าที่ของแมวตัวนี้คือขึ้นไปบนอวกาศและกลับลงมาผ่านร่มชูชีพ โดยมันกลับลงมาในเวลาไม่ถึง 15 นาที แถมยังมีชีวิตรอดกลับมาอีกด้วย


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

9. สุนัข
          เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 1957 โซเวียตได้ตัดสินใจส่ง Sputnik 2 ไปเป็นกระสวยอวกาศชิ้นแรกที่โคจรรอบโลก โดยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ข้างในด้วย ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ว่านั้นก็คือสุนัขจรจัดเพศเมียชื่อ ไลก้า นั่นเอง และสุดท้ายบทสรุปจุดจบชีวิตของไลก้า ถูกเปิดเผยว่า มันตายตั้งแต่อยู่ในกระสวยได้ไม่กี่ชั่วโมงแล้ว เพราะความตื่นกลัวจนช็อก ซึ่งเป็นถือเรื่องน่าเศร้า


 10 สัตว์ผู้กล้า ที่เสียสละเพื่อการศึกษาเรื่องอวกาศ

10. แมลงวันผลไม้

          แมลงวันผลไม้ (Fruit flies) กลุ่มหนึ่งได้ถูกส่งขึ้นอวกาศไปพร้อม ๆ กับจรวด American V2 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ปี 1947 ที่ระยะทาง 68 ไมล์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลศึกษาผลกระทบจากพลังคลื่นรังสีต่อสิ่งมีชีวิต ก่อนจะย้อนกลับมาที่โลก ซึ่งแมลงวันผลไม้ทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย


         ทั้งนี้ นอกจากสัตว์ทั้ง 10 ที่เรารวบรวมมาฝาก ยังมีสัตว์อีกมากมายที่ผ่านการส่งขึ้นอวกาศไปเช่นกัน และก็มีทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ หรือถึงขั้นล้มตายก็ด้วย ดังนั้นกว่ามนุษย์จะพัฒนามาถึงทุกวันนี้ได้ ก็คงต้องขอบคุณการเสียสละของเจ้าสัตว์เหล่านี้ด้วยเหมือนกัน

ประวัติวันคริสมาส Christmas Day History

ประวัติวันคริสมาส Christmas Day History

 


 ความสำคัญของวันคริสต์มาส

    คริสต์มาส เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่ง ในศาสนาคริสต์ มิใช่เป็นวันสำคัญฝ่ายร่างกาย จัดงานรื่นเริงภายนอกเท่านั้น ซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอก ของการฉลองคริสต์มาส แต่แก่นแท้อยู่ที่ความรักของพระเจ้าที่ มีต่อโลกมนุษย์ นั่นคือ พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากจน ถึงกับยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์ ให้มาเกิดเป็นมนุษย์ มีเนื้อหนังมังสา ชื่อว่า “เยซู” การที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติ ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น จากการเป็นทาสของความชั่ว และบาปต่างๆ นั่นเอง ดังนั้น ความสำคัญของวันคริสต์มาส จึงอยู่ที่การฉลองความรัก ที่พระเจ้ามีต่อโลกมนุษย์ อย่างเป็นจริงเป็นจัง และเห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น
บรรยากาศคริสต์มาสในเมืองไทย มักจะเริ่มด้วยห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ จะตกแต่งห้างด้วยสีสันต่างๆ รวมทั้งต้นคริสต์มาส อันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส กันอย่างหรูหรา สิ่งเหล่านี้ เป็นบรรยากาศที่ ชักจูงให้เราคิดถึง วันสำคัญของชาวโลกวันหนึ่ง ก็คือ “วันคริสต์มาส” ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกนาทีนั่นเอง
    วันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก เป็นวันฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซู มิใช่เป็นแต่เพียงมนุษย์ธรรดาๆ ที่มาเกิดเหมือนเด็กทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และมีพระธรรมชาติเป็นพระเจ้า และเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การบังเกิดของพระองค์ จึงเป็นเหตุการณ์พิเศษ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วย ….
   ประวัติการประสูติพระเยซูเจ้า
ในเวลานั้น จักรพรรดิออกัสตัส รับสั่งให้ราษฎรทุกคนในอาณาจักรโรมัน ไปลงทะเบียนสำมะโนประชากร โยเซฟและมารีย์ ซึ่งมีครรภ์แก่ จึงต้องเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮม อันเป็นเมืองที่กษัตริย์ดาวิดประสูติ พอดีถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร เธอก็ได้คลอดบุตรชายหัวปี เธอเอาผ้าพันกายพระกุมารแล้ววางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากตามโรงแรมไม่มีที่พักเลย
คืนนั้น ทูตสวรรค์ของพระเจ้า ปรากฎแก่พวกเลี้ยงแกะ พวกเขาตกใจกลัวมาก แต่ทูตสวรรค์ปลอบพวกเขาว่า “อย่ากลัวไปเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอก คืนนี้เอง ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด มีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็นพระคริสต์พระเป็นเจ้า นี่จะเป็นหลักฐานให้พวกท่านแน่ใจคือ พวกท่านจะพบพระกุมาร มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า” ทันใดนั้น มีทูตสวรรค์อีกมากมาย ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าว่า
ขอเทิดพระเกียรติพระเจ้า ผู้สถิตย์ในสวรรค์ชั้นสูงสุด
สันติสุขบนพิภพ จงเป็นของผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย 


ทำไมจึงวันฉลองคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม

           ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ (ลก.2:1-3) บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าบังเกิดในสมัยที่ จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยมีคีรินิอัส เป็นเจ้าครองเมืองซีเรีย ซึ่งในพระคัมภีร์ ไม่ได้บอกว่า เป็นวันหรือเดือนอะไร แต่นักประวัติศาสตร์ให้เหตุผลว่า ทื่คริสตชนเลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองคริสต์มาส ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียน ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างสง่า และถือเสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะพระจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รู้สึกอึดอัดใจ ที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตามประเพณีของชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ และอย่างเปิดเผย เนื่องจากก่อนนั้น มีการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรง (ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 64-313) ทำให้คริสตชน ไม่มีโอกาสฉลองอะไรอย่างเปิดเผย

ฟังเพลงวันคริสมาสต์ ภาษาอังกฤษ




ฟังเพลงวันคริสต์มาส ภาษาฝรั่งเศส



The History of Christmas
          In the Western world, the birthday of Jesus Christ has been celebrated on December 25th since AD 354, replacing an earlier date of January 6th. The Christians had by then appropriated many pagan festivals and traditions of the season, that were practiced in many parts of the Middle East and Europe, as a means of stamping them out.
 
        There were mid-winter festivals in ancient Babylon and Egypt, and Germanic fertility festivals also took place at this time. The birth of the ancient sun-god Attis in Phrygia was celebrated on December 25th, as was the birth of the Persian sun-god, Mithras. The Romans celebrated Saturnalia, a festival dedicated to Saturn, the god of peace and plenty, that ran from the 17th to 24th of December. Public gathering places were decorated with flowers, gifts and candles were exchanged and the population, slaves and masters alike, celebrated the occasion with great enthusiasm.

         In Scandinavia, a period of festivities known as Yule contributed another impetus to celebration, as opposed to spirituality. As Winter ended the growing season, the opportunity of enjoying the Summer's bounty encouraged much feasting and merriment.
The Celtic culture of the British Isles revered all green plants, but particularly mistletoe and holly. These were important symbols of fertility and were used for decorating their homes and altars.
           New Christmas customs appeared in the Middle Ages. The most prominent contribution was the carol, which by the 14th century had become associated with the religious observance of the birth of Christ.

            In Italy, a tradition developed for re-enacting the birth of Christ and the construction of scenes of the nativity. This is said to have been introduced by Saint Francis as part of his efforts to bring spiritual knowledge to the laity.

        Saints Days have also contributed to our Christmas celebrations. A prominent figure in today's Christmas is Saint Nicholas who for centuries has been honored on December 6th. He was one of the forerunners of Santa Claus.

        Another popular ritual was the burning of the Yule Log, which is strongly embedded in the pagan worship of vegetation and fire, as well as being associated with magical and spiritual powers.

            Celebrating Christmas has been controversial since its inception. Since numerous festivities found their roots in pagan practices, they were greatly frowned upon by conservatives within the Church. The feasting, gift-giving and frequent excesses presented a drastic contrast with the simplicity of the Nativity, and many people throughout the centuries and into the present, condemn such practices as being contrary to the true spirit of Christmas.

 The earliest English reference to December 25th as Christmas Day did not come until 1043.

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แฮร์รี่ พอตเตอร์

แฮร์รี่ พอตเตอร์

 ไฟล์:Harry potter septet.jpg

   แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นชุดนวนิยายแฟนตาซีจำนวนเจ็ดเล่ม ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดวัยรุ่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเพื่อนสองคน รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ โครงเรื่องหลักเกี่ยวกับภารกิจของแฮร์รี่ในการเอาชนะพ่อมดมืดที่ชั่วร้าย ลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้มีเป้าหมายเพื่อพิชิตประชากรไม่มีอำนวจวิเศษ พิชิตโลกพ่อมด และทำลายทุกคนที่ขัดขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์

          หนังสือเล่มแรกในชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ วางจำหน่ายในฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540 และนับแต่นั้น หนังสือก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม การยกย่องอย่างสำคัญและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ทั่วโลก อย่างไรก็ดี ชุดนวนิยายดังกล่าวก็มีข้อวิจารณ์บ้าง รวมถึงความกังวลถึงโทนเรื่องที่มืดมนขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 ชุดหนังสือทำยอดขายประมาณ 450 ล้านเล่มทั่วโลก และมีการแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ 67 ภาษา หนังสือเล่มสุดท้ายของชุดยังเป็นสถิติหนังสือที่จำหน่ายออกหมดเร็วที่สุดใน ประวัติศาสตร์
ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์สามารถจัดเป็นวรรณกรรมได้หลายประเภท (genre) รวมทั้งแฟนตาซีและการเปลี่ยนผ่านของวัย (coming of age) โดยมีองค์ประกอบของวรรณกรรมประเภทลึกลับ ตื่นเต้นสยองขวัญ ผจญภัย และโรแมนซ์ และมีความหายและการสื่อถึงวัฒนธรรมหลายอย่าง ตามข้อมูลของโรว์ลิง ธีมหลักของเรื่อง คือ ความตาย แม้โดยพื้นฐานแล้วงานนี้ถูกมองว่าเป็นผลงานวรรณกรรมเด็ก นอกจากนี้ยังมีธีมอื่นอีกมากมายในชุด เช่น ความรักและอคติ
   
           หนังสือทั้งเจ็ดเล่มถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส จำนวนแปดภาค โดยเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มที่เจ็ด ผู้สร้างได้แบ่งออกเป็นสองตอน ภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นชุดภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล นอกจากนี้ ยังได้มีการผลิตสินค้าควบกันอีกจำนวนมาก ซึ่งทำให้ยี่ห้อแฮร์รี่ พอตเตอร์มีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 หนังสือดังกล่าวจะเผยแพร่ในรูปแบบอีบุ๊กผ่าน "พอตเตอร์มอร์"

พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ถล่มฟิลิปปินส์ 2556 ยอดตายพุ่งเกือบ 4 พันคน

พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ถล่มฟิลิปปินส์ 2556 ยอดตายพุ่งเกือบ 4 พันคน

 



พายุถล่มฟิลิปปินส์ 2556

    ยอดผู้เสียชีวิตไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพุ่งเป็น 3,621 รายแล้ว แต่สูญหายอีกนับหมื่น ทางการเร่งส่งกระจายความช่วยเหลือ

            เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 เว็บไซต์สกายนิวส์ของอังกฤษ รายงานความคืบหน้าเหตุซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนถล่มฟิลิปปินส์ว่า ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 3,621 คน คาดว่ายังคงเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะยังมีผู้สูญหายอีกนับหมื่น

            รายงานระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดนี้ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทางการคาดว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ยอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงแตะ 10,000 คน อย่างที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก เพราะตอนนี้ยังมีผู้สูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 22,000 คน ซึ่งทางด้านนายอัลเฟรด โรมวลเดซ นายกเทศมนตรีเมืองทาโคลบัน เชื่อว่า ผู้สูญหายจำนวนมากน่าจะถูกคลื่นซัดลงทะเลไปแล้ว หลังจากที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนได้ทำให้เกิดคลื่นสูงราวสึนามิขนาดย่อม ๆ พัดเข้ามาบริเวณชายฝั่ง

            อย่างไรก็ดี ขณะนี้นานาประเทศก็ทยอยได้ส่งความช่วยเหลือในทุกรูปแบบไปยังพื้นที่ประสบภัย แล้ว ทั้งส่งเจ้าหน้าที่ สิ่งของจำเป็น เงินช่วยเหลือ เรือ และเครื่องบินสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น การช่วยเหลือก็ยังไปได้ไม่ทั่วถึงและช้า ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่ยังคงอดอยาก รวมทั้งเจาะท่อหรือขุดบ่อนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ และมีการปล้นสะดมอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ทางกองทัพจะพยายามเข้ามาควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบแล้วก็ตาม

จักรวาล

จักรวาล





  • เอกภพ (universe), ผลรวมของการดำรงอยู่ ประกอบด้วย ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ดาราจักร สิ่งที่บรรจุในอวกาศระหว่างดาราจักร และสสารและพลังงานทั้งหมด
  • เขาจักรวาล, เทือกเขาในนิยายอินเดียและชาติที่รับวัฒนธรรมไป เช่น ไทย โดยเป็นกำแพงล้อมรอบโลกและเป็นเขตกั้นแสงสว่างกับความมืด
  • ท้าวจักรวาล หรือ เท็นเต (天帝 Tentei ?), เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าตามความเชื่อญี่ปุ่น มีชื่อเพราะเป็นบิดาของเจ้าหญิงทอผ้า (織姫 Orihime